เริ่มลงทุนครั้งแรก การเลือก Broker เป็นอีกเรื่องที่ชวนปวดหัว เปิดพอร์ทไปเปิดพอร์ทมาเยอะแยะไปหมด พอร์ทนี้เทรดนี่ได้ อยากเทรดตัวนู้นเอ้าไม่ Support ต้องเปิดกับอีกเจ้า
หาข้อมูลทำการบ้านหนักมาก เลยขอรวมข้อมูลไว้ ที่เดียวเลยละกัน Focus ไปที่ US Stock + otc, ETF, Cryptocurrency
พร้อมวิธีเปิดพอร์ทให้ได้โบนัสพิเศษ
เลือก Broker ตามการลงทุนของเรา
Broke แต่ละเจ้าจะมีข้อจำกัด และเหมาะกับการลงทุนที่แตกต่างกัน บางเจ้าสามารถลงทุนได้ทุกอย่าง บางเจ้าสามารถลงทุนได้แค่ Cryptocurrency อย่างเดียว หรือลง Cryptocurrency ได้แค่บางตัว
US Stock – หุ้นทั่วไปในตลาด S&P, Nasdaq
Otc – หุ้น Penny ราคาต่ำ ยังมีคุณสมบัติไม่พร้อมที่จะเข้าตลาด จะเทรดได้แค่บาง Broker และซื้อ-ขาย ได้ในเวลาตลาดเท่านั้น
Cryptocurrency – เงินดิจิตอล มีทั้งตัวใหญ่และตัวเล็ก และแต่ละ Broker ก็รองรับไม่เหมือนกันในแต่ละรัฐ
*การเปิดพอร์ตทุกเจ้า ต้องใช้เลข Social Security Number
เราสามารถเปิด Port กี่ Broker ก็ได้ ให้เหมาะสมกับตลาดการลงทุนที่สนใจ และเป้าหมายการลงทุน เช่น Port Day Trade, VI หรือ Penny Stock
สมัคร เริ่มต้นง่าย แต่จากเหตุการ Short Squeeze และมีการระงับการซื้อขาย คนก็ขาดความเชื่อมั่น แต่ถือว่าเหมาะกับการเริ่มต้น ซื้อขายได้คลอบคลุมหลากหลาย
ข้อดี
– ฟรีค่าธรรมเนียม
– ถ้ามีเงินอยู่ก็สามารถ Trade ได้ปกติ
– เทรดได้ตั้งแต่ 9AM-8PM EST
ข้อเสีย
– Day Trade หลังจากขาย ต้องรอเงิน Settle 2 วัน เลยต้องมีการแบ่งเงินไว้ 2 ก้อน เพื่อสลับเทรดได้ทุกวัน
– ไม่สามารถเล่น Options ได้
✔ Stock ($0 commission)
✔ ETF ($0 commission)
✔ Crypto – ได้เกือบทั้งหมด
✖ otc
ข้อดี
– ฟรีค่าธรรมเนียม
– เทรดได้ตั้งแต่ 4 AM-8PM EST
– ใส่เงินแล้วเทรดได้ทันที (แต่หลังซื้อต้องรอ Settle 2 วัน ถึงขายได้)
– สามารถเล่น Options ได้ทั้ง cash account และ Margin Account (แต่ถ้าเป็น Day Trade ต้องใช้ Cash Account)
– มี Port กระดาษให้เทรด
ข้อเสียคือ
– ไม่สามารถ Short หุ้นได้ (มือใหม่น่าจะยังไม่ใช้ฟังก์ชันนี้)
✔ Stock ($0 commission)
✔ ETF ($0 commission)
✔ Crypto – BTC, BCH, ETH, LTC ($0 commission)
✖ otc
Account นี้เปิดไว้สำหรับแยกเทรด Crypto โดยเฉพาะ
✔ Stock – ($0 commission)
✔ ETF – ($0 commission)
✖ otc
✔ Crypto – BTC, BCH, ETH, LTC – ตัวอื่นๆ เพิ่มเติม
Account นี้เปิดไว้สำหรับเทรดหุ้น otc โดยเฉพาะ
✔ Stock – ($0 commission)
✔ ETF – ($0 commission)
✔otc – ($0 commission)
✖ Crypto
ส่วนตัว ตอนนี้แยกพอร์ตไว้ตามนี้
Robinhood – Port ระยะสั้น – สำหรับเทรด Crypto, Penny
Webull – Port ระยะยาว – สำหรับเทรด US Stock
Coinbase – Port ระยะสั้น สำหรับเทรด Crypto
Charles Schwab – สำหรับเทรด หุ้น OTC
Next >> TD Ameritrade จะเปิด Cash Account สำรองสำหรับซื้อ OTC สามารถใช้เล่น Options ได้
Referral Bonus : โปรแกรมแนะนำเพื่อน
ผู้ถูกแนะนำจะได้ Bonus พิเศษเสมอ เมื่อสมัครผ่านลิงค์ที่กำหนด และทำตามเงื่อนไข อาจจะเป็น Credit Bonus หรือได้หุ้นพิเศษ (ส่วนคนแนะนำ อาจจะได้ Bonus ด้วย ในบางโปรแกรม)
Robinhood
Link:
(สมัคร Robinhood ได้รับ Stock Free)
Webull Referral
Link:
(Get 2 free stocks! เมื่อสมัครและฝากเงินเข้าบัญชี)
Charles Schwab Referral
Link:
(Get 100-500 bonus เมื่อเอาเงินเข้าบัญชีตั้งแต่ $1000 ขึ้นไป)
Coinbase Referral
Link:
(Buy or sell $100 or more of crypto, you’ll receive $10 worth of free Bitcoin!)
การเทรดอาจมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าธรรมเนียมการโอนเงินเข้า โอนเงินออก ความถี่ในการเทรด เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง ควรหาข้อมูลเพิ่มเติมอย่างละเอียด
ข้อดีของการเปิดพอร์ตสำรอง (การเปิดบัญชีหลาย Broker)
- ช่วยลดข้อจำกัดในการลงทุนรายตัว (US Stock + otc, ETF, Cryptocurrency)
- ใช้เป็น Port สำรองในการทำกำไร เวลาพอร์ตมีปัญหา เช่น Broker เสีย Freeze , Hank , โดน restrict , โดน Lock หรือ login ไม่ได้ เหมือนกรณี Robinhood ที่จำกัดการเทรดช่วงนึง
- เพิ่มโอกาส Day Trade ถ้ามีเงินในพอร์ตไม่ถึง 25k จะไม่สามารถ Day trade ได้ตามใจ เพราะหลังจากขายต้องรอให้เงิน Settle ในบัญชี 2 วัน สามารถเปิดบัญชี Margin เพิ่มอีก 1 Broker ช่วยให้มีโควต้า Day Trade เพิ่มขึ้นได้
- แยกพอร์ตสำหรับ เป้าหมายการลงทุนที่แตกต่างกัน Day Trade, VI, Penny Stock
เสีย ของการมีหลายพอร์ต
- ปวดหัวนิดหน่อย ตอน File ภาษีปลายปี (ทำเฉพาะอันที่มีบัญชีมีการเคลื่อนไหว)
- ต้องจำ Log in หลายอัน และมักสับสนข้อมูลใน Port
ต่อไปจะมาเขียนเกี่ยวกับ บัญชีประเภทต่างๆ อย่าง Brokerage, IRA, Roth IRA ว่าเป็นยังไง
Add Comment