“เที่ยวทาโรโกะ และเมืองโบราณจิ่วเฟิ่น”
หากใครมาเที่ยวไทเป ผมอยากแนะนำอีก 2 ที่ท่องเที่ยวใกล้ไทเป ที่มีบรรยากาศเป็นเอกลักษณ์ เดินทางได้ง่ายๆ เรียกว่า ไปเช้า เย็นกลับ ได้เลย นั่นคือทาโรโกะ และเมืองโบราณจิ่วเฟิ่น
ทาโรโกะ เป็นภูเขาหินอ่อน ซึ่งจะมีแม่น้ำใสแจ๋วไหลผ่าน สวยแปลกตา จิ่วเฟิ่น เมืองโบราณ ที่บ้านแต่ละหลังปลูกไล่ตามความชันของภูเขา สวยงามไปอีกแบบ มีร้านให้ Shopping ตลอดทาง และพลาดไม่ได้กับการนั่งร้านน้ำชา จิบชาชิวๆ ชมวิวสวยๆ
วิธีการเดินทาง จาก ไทเป ไป ทาโรโกะ ด้วยรถไฟ
ผมเดินทางจากไทเปเมน (Taipei Main Station) ไปสถานี Xincheng แล้วต่อ Taxi ไป Taroko ที่จริงมีรถบัสบริการ แต่เพื่อประหยัดเวลา ขอขึ้น Taxi ละกัน
เลือกนอน Airbnb รับส่วนลด 1,371 บาท
เมื่อสมัครบัญชี Airbnb ใหม่ ด้วยลิงค์นี้ แล้วจองห้องพัก Airbnb ด้วยลิงค์นี้ >> <<
รายละเอียดเพิ่มเติม >>
ตู้ยืม-คืน หนังสือที่ Taipei Main Station ถ้าประเทศไทยส่งเสริมการอ่านขนาดนี้ก็น่าจะดีไม่น้อย
Taipei – Xincheng – Taroko
เนื่องจากที่พักอยู่ใน Taipei จึงต้องเดินทางมาถึงทาโรโกะ ก่อน 11 โมง เพื่อให้ทันรถบัส เลือกเดินทางด้วยรถไฟจาก Taipei Main Station มายัง Xincheng Railway Station (ใกล้กว่าไปลงที่ Hualian)
มาถึง Xincheng จะมีป้ายอธิบายการเดินทางและจุดท่องเที่ยวต่างๆ (แต่ถึงเวลาแล้วบัสไม่มา ไม่เข้าใจ) ทีแรกผมตั้งใจจะนั่งรถบัสสำหรับเที่ยว Taroko ในราคาประหยัด ขึ้นลงตามจุดเป็นเวลาพร้อมซึมซับบรรยากาศอย่างจุใจ แต่สมาชิกดันลืมเสื้อกันหนาวไว้บนรถไฟ รถไฟก็ออกไปแล้ว เลยต้องติดต่อเจ้าหน้าที่วุ่นวาย กว่าเรื่องจะเรียบร้อยทำให้เริ่มต้นวันช้าไปอีกหน่อย หลังจากคำนวณเวลาแล้วกลัวจะไปจิ่วเฟิ่นต่อไม่ทัน เลยตัดสินใจขึ้น Taxi ที่จอดอยู่หน้าสถานีรถไฟแทน
เลยต้องเหมา Taxi ราคา 2000NT (ใช้เงินแก้ปัญหา) สำหรับเที่ยวชมจุดต่างๆในทาโรโกะ ผมวางแผนเที่ยวตั้งแต่ 11.00 – 15.00 เพื่อกลับมาขึ้นรถไฟไปจิ่วเฟิ่น ให้ทัน คุณลุงคนขับ Taxi นำเที่ยว พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย คุยกันไปจนเมื่อยมือ แต่ลุงคนขับก็พยายามสื่อสารและเอาใจใส่ดีมากๆ
คนขับจอดรถให้ ณ จุดแรกที่ทาโรโกะ กับซุ้มทางเข้าเท่ๆแบบนี้
วิวแม่น้ำ ฉากหลังภูเขากับอากาศเย็นๆแบบนี้ มันใช่เลย จุดนี้ชมวิวถ่ายรูปเฉยๆ แล้วก็ขึ้นรถไปกันต่อ
ต้องไม่พลาดถ่ายกับก้อนหินก้อนนี้ (เขียนว่าอะไรฮะ?)
แล้ว Taxi ลงจุดที่ 2 Shakadang Trail สามารถเดินชิวริมแม่น้ำได้
ใต้สะพานจะมี Information ให้อ่านครับ
มองกลับไปเห็นสะพานสีแดง ตัดกับแบคกราวน์สีเขียวแบบนี้
ทางเดินเลียบภูเขาที่ถูกเจาะไว้ ต้องค่อยๆเดิน ระวังศีรษะดีๆ
มองลงไปแม่น้ำ น้ำใสมากถึงมากที่สุด อยากลงไปเล่นเลย
ช่องเขาที่ถูกเจาะไว้ เล็กนิดเดียว ขนาดพอดีตัว
สะดุดกับป้าย ระวังหินร่วง .. T.T จะรู้ได้ไง จะมาเมื่อไหร่ หัวจะแตกมั้ย
วิวสวยตลอดทาง มองย้อนกลับไปจะได้มุมนี้
ตอนแรกเข้าใจว่าเส้นทางจะเดินมันเป็นวงกลม แต่ไม่ใช่ ต้องกลับทางเดิม เหนื่อยพอสมควร แล้วฝนก็เริ่มตกด้วย แนะนำว่าต้องมีอุปกรณ์กันฝนติดตัวมาด้วย
พอสุดปลายทาง ก็จะมีทางนำไปสู่แม่น้ำน้ำเย็นมากกกก
จุดที่ 3 เดินชิวๆเลาะถนน มีสะพานที่ห้ามเข้า (ก็มีบางคนเข้าไป)
จุดนี้ต้องใส่หมวกกันน๊อค ระหว่างทางคนขับได้จอดยืมหมวกกันน๊อคมาให้ด้วย
น้ำตรงนี้ค่อนข้างแรง ดูจากสีน่าจะลึกมากด้วย
เดินได้ตามใจ หลบรถเอาเองนะ
บรรยากาศดีมาก หินสีสวยไม่ซ้ำกันเลย
จุดนี้คนขับบอกเป็นมุมเด็ด พร้อมเอารูปมาเทียบให้ดู (ถ่ายแล้วไม่เห็นได้แบบนั้นเลย)
จุดที่ 4 เป็นหมู่บ้านชาวเขา บรรยากาศก็เดิมๆ (สวยเหมือนเดิม) สามารถเดินเล่นได้ มีเส้นทาง Trail ด้วย
ขอตั้งชื่อรูปภาษาจีนว่า หมอกเฉี่ยวหัว
จุดสุดท้ายแล้ว ตอนนี้ฝนตกหนักมากๆ คนขับเลยเอาร่มสีดำคันใหญ่ให้เราเอามาใช้ เดินถือร่มลุยฝนออกไปส่วนล่างเปียกไปหมด เพื่อให้ได้ภาพอาคารที่สร้างคร่อมน้ำตกไว้ จุดนี้ไม่มีอะไรมากใช้เวลาแค่ 5 นาทีก็เสร็จแล้ว ถึงเวลากลับไป Xincheng Raiway Station เพื่อเดินทางไปจิ่วเฟิ่น ต่อ
ผมขึ้นรถไฟไป จิ่วเฟิ่น จาก Xincheng เดินทางโดยรถไฟลงที่ Ruifang Station จากที่นี่มีรถไฟเข้า Taipei ทุกชั่วโมง เราสามารถใช้เวลาอยู่ที่จิ่วเฟิ่นจนดึกได้เลย เมื่อมาถึง Ruifen ให้เดินไปหา Bus Station (เดินไปอีกพอสมควร) เพื่อต่อไปยังเมืองโบราณจิ่วเฟิ่น
นั่งรถไฟจาก Xincheng มา Ruifang เพื่อขึ้น รถบัสไป จิ่วเฟิ่น (นั่งขึ้นเขาต่อไปอีกนิดเดียว)
หมายเลขรถบัสที่สามารถนั่งต่อไปจิ่วเฟิ่น ได้
รถไฟไป Taipei มีหลายรอบจนดึกดื่น ไม่ต้องเป็นห่วงเลย
ตรงนี้เป็นเมืองเลยแหละ คึกคักมาก นักเรียน นักท่องเที่ยว ร้านจักรยาน อาหาร ร้านเค้กหรูๆ น่าเดินมาก ตอนนี้ฝนตกหนักมากๆ ต้องแวะหาซื้อเสื้อกันฝน
ตั้งแต่เที่ยงยังไม่กินอะไร ก็เก็บระหว่างทางตรงนี้ได้เลย
กุนเชียงย่าง อร่อยมาก แต่ละร้านราคา 40 30 ไม่เท่ากัน ค่อยๆดูไป
ขนมหวานอารมณ์ Taro ball เหมือนเจ้านี้จะเป็นเจ้าดังด้วย
Taro Ball หน้าตาแบบนี้ อร่อยดี หนึบๆ
เดินเรื่อยๆจนถึงจุดที่สามารถชมเมืองและทะเลได้ วิวสวยมาก น้ำตาจะไหล เมืองโบราณจิ่วเฟิ่นจะเป็นบ้านที่สร้างตามไหล่เขา สูงต่ำกันไป 2 ข้างทางจะเป็นร้านค้าต่างๆ แวะช๊อปแวะชิมกันได้ ทั้งเดินขึ้น เดินลง เพลินๆดี แต่คนแน่นมาก
เดินไปฝนก็ตกหนักมากกกก จะเลี้ยวซ้ายหรือขวา ขึ้นหรือลง คิดแล้วคิดอีก
ตั้งใจจะมานั่งจิบชาแต่อด! โต๊ะเต็ม เพราะฝนตกเดินยากคนก็เลยเข้าไปรวมอยู่ในร้านชากันหมด
ชามีหลายราคาตั้งแต่ถูกจนแพงมาก ความยากคือผมอ่านไม่ออก และตอนนี้ฝนตกลงมาแบบบ้าไปแล้ว เหมือนพายุเข้า จนกลัวว่าภูเขาจะถล่ม ><
สินค้าในร้านวางอย่างอิสระ ไม่มีพนักงานยืนคุม หรือคอยห้าม มีแค่ป้าย Don’t Touch เท่านั้น
ตอนนี้ประมาณ 1 ทุ่ม ร้านอาหารเริ่มปิดแล้ว แต่ยังไม่ได้กินอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน สุดท้ายแวะเข้าร้านนี้ หน้าตาเหมือนร้านก๋วยเตี๋ยว ทั้งร้านมีแต่ภาษาจีน เลยจิ้มๆไป 2 เมนู .. แล้วน้ำตาก็ไหลกับสิ่งที่ได้มา
เมนูแรก ลูกชิ้นหั่น 3 ชิ้นในซุป..
เมนูที่ 2 T.T ลูกชิ้นหั่น 1 ชิ้น กลม 2 ลูกกับซุป.. คือไม่ต่างกันเลย แต่ซุปอร่อยมาก โอเคผ่าน รีบกินรีบไปร้านอื่นต่อ
ร้านนี้น่ากินมาก อะไรก็ไม่รู้ สีชมพูหน้าตาเหมือน UFO มีให้ซื้อกลับบ้านด้วยนะ น่าลอง
เสร็จแล้วหน้าตาแบบนี้ .. เป็นแป้งหนึบๆ ห่อไส้ผักหมูสีชมพูหวานเปรี้ยวเหมือนบ๊วย กับซอส กินไปคือแบบอึ้ง ..
รสชาติมึนมาก .. ไม่อร่อยแต่ควรลอง
ไอศกรีมถั่วตัด อันนี้อร่อยมาก พ่อค้าจะเค้าเอากบไสไม้ มาไสถั่วตัดให้เป็นผงๆ โรยบนแป้ง โปะด้วยไอศกรีม รสชาติเข้ากันสุดๆ วันไหนจะลองทำกินเองบ้าง
สุดท้ายกลับมาตายรังที่ซูชิราคาประหยัด อันนี้เป็นมื้อแรกของวันที่ดูจริงจังที่สุดแล้ว ฟาดซูชิรัวๆ อันนี้อิ่ม อร่อย ราคาย่อมเยา รสชาติประทับใจ
เชิญชม Clip สรุปทริป Day 5/6 ได้เลยครับ ^^
Add Comment