เที่ยวมะละกา
-My Journey- Malaysia - มาเลเซีย TRAVEL - exciting experiences

รีวิว เที่ยวมะละกา – Melaka ลุยเดี่ยว เมืองมรดกโลก สุดชิค

“Melaka เที่ยวมะละกา เมืองท่าสุดชิค”

“ช่องแคบมะละกา” เป็นข้อความที่ติดในหัวมาตั้งแต่สมัยมัธยม เมื่อเพื่อนแนะนำให้มา เที่ยวมะละกา ดูผมเลยตัดสินใจมาโดยไม่ลังเล “ถ้าชอบถ่ายรูป ชอบดูเมือง ชอบบรรยากาศริมน้ำชิวๆ ต้องมาที่นี่” เป็นคำแนะนำที่ได้ผล เลยจัดทริปรวมมะละกาไว้ต่อจากทริป Penang มาคนเดียวเที่ยวง่ายมาก! ทริปนี้เลยเป็นการ รีวิว เที่ยวมะละกา คนเดียว เหมือนเดิม


Cr.Malaysiasite.nl

มะละกา (Malacca or Melaka) เคยเป็นศูนย์กลางทางการค้าระหว่างตะวันออกและตะวันตก กว่า 500 ปี เลยมีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เลยมีบรรยากาศที่ดูแปลกตา เพราะถูกผสมผสานของสถาปัตยกรรม โปรตุเกส ดัตช์ และมลายู ที่เป็นพ่อค้าในสมัยนั้น มะละกา ได้รับการรับรองจาก UNESCO ให้เป็นเมืองมรดกโลก บนช่องแคบมะละกาอีกด้วย


การเดินทางไป มะละกา (จาก ปีนัง)

ผมเดินทางกับรถบัส บริษัท Shanhua Express รถบัสจากปีนัง ไป มะละกา ค่าตั๋ว 50RM
รอบรถบัสไปมะละกา 8.30 am, 8.45 am, 9.00 am, 8.00 pm, 10.00 pm, 10.45 pm, 11.00 pm

(ซื้อตั๋วล่วงหน้า แถว Bus Station ตึก Komtar)


เลือกนอน Airbnb รับส่วนลด 1,371 บาท

เมื่อสมัครบัญชี Airbnb ใหม่ ด้วยลิงค์นี้ แล้วจองห้องพัก Airbnb ด้วยลิงค์นี้ >>  <<

รายละเอียดเพิ่มเติม >>


Night Bus จาก ปีนัง ไป มะละกา

เราออกเดินทางตั้งแต่เวลา 10.00 pm และใช้เวลาเดินทางจริงๆ 7.30 ชั่วโมง ก่อนมาเพื่อนบอกว่ารถบัสสบาย มีที่ชาร์ตแบต ชิวเลย แต่รถบัสคันนี้ทั้งเล็ก ไม่มีที่ชาร์ตแบต หนาวมาก และไม่มีผ้าห่มให้ โชคดีในกระเป๋าใบเล็กมีเสื้อแจ็คเก็ตพอแก้ขัด ล้วงเจอผ้าอะไรก็เอามาพันคอ พอประทังความหนาวให้ผ่านคืนนี้ไป

มีเรื่องจะเล่า กลางดึกประมาณตี 3 รถบัสไปจอดที่ปั๊มแห่งหนึ่ง แล้วคนก็กรูกันลงไปเกือบหมดคันรถ เราก็อ๋อ.. จอดให้แวะเข้าห้องน้ำ กินข้าวต้มเหมือนรถบัสบ้านเรา ก็ลงไปจะเดินไปเข้าห้องน้ำ .. ก็เอะใจเพราะปั๊มมืดมาก เลยหันมาถามคนขับ .. ปรากฎว่า ไม่ใช่ คนที่ลงจากรถคือเค้าลงระหว่างทาง .. เงิบสิ ดีนะหันมาถาม ไม่งั้นคือกลับมารถคงไปแล้ว มาคนเดียว กระเป๋าก็ไปกับรถ มือถือแบตก็หมด ในปั๊มเก่าๆมืดๆ ที่ไหนสักที่ในมาเลเซีย .. เกือบไปแล้วจริงๆ


แล้วรถบัส ก็มาถึง Melaka Sentral ซึ่งดึกๆแบบนี้ก็ไม่ได้น่ากลัวน้อยไปกว่าระหว่างทางเลย 55 คนแทบไม่มี ร้านปิด เอาผ้าคลุม เอาวะ ใจดีสู้เสือ

โชคดีเจอร้านอาหารอิสลาม เปิด 24 ชั่วโมง เลยพอเป็นที่พักพิงได้ Roti canai kosong เซ็ตนี้ราคา $4 โรตีไข่ 1 แผ่นกับแกง 2 อย่าง เอาส้อมฉีกๆแล้วจิ้มแกง หอมๆ มันๆ กลิ่นเครื่องเทศไม่แรงมาก อร่อยใช้ได้ นี่คือต้องรอไปเรื่อยๆจกว่ารถบัสเข้าเมืองมะละกา คันแรกจะมา

ในที่สุดก็เช้าสักที รถบัสจาก Melaka Sentral ไปใน มะละกา ต้องขึ้นสาย 17 – Ujong Pasir รอบแรกคือ 7.30 am บอกคนขับว่าไป Dutch Square ค่ารถบัส 2RM จ่ายตอนขึ้น


Dutch Square, First Impression

ใช้เวลา 20 นาที ก็ถึงตัวเมืองมะละกา เราจะเห็นกลุ่มอาคารสีแดงใกล้เข้ามาเรื่อยๆ รถบัสจะพามาส่งที่ดัชสแควร์ ช่วงนี้ดูเหมือนจะเช้าเกินไป ก็ใช่.. แต่เป็นช่วงเวลาที่คนน้อย ซึ่ง Dutch Square จะถือเป็น Center ของที่นี่ที่เชื่อมต่อกับจุดท่องเที่ยวสำคัญๆ เรียกว่าหลังจากนี้จะเดินตัดไปมาอยู่บ่อยๆ กลุ่มอาคารประกอบด้วย Church และ City Hall ถูกทาด้วยสีแดงสไตล์ Dutch Colonial เท่ๆแบบนี้

Christ Church
Queen Victoria’s Fountain

Clock Tower


Hostel Melaka, Ola Lavenderia

ตอนนี้ยังเช้าอยู่ เลยเอาของไปฝากยังที่ Hostel น่ารักๆแห่งนึงชื่อ Ola Lavanderia เป็นคาเฟ่เล็กๆที่แบ่งส่วนหนึ่งของบ้านมาเป็น Hostel แบบ Dorm ที่มีแค่ 5 เตียงเท่านั้น เดินออกมาก็เป็นร้านกาแฟ ในราคาคืนละ แค่ 215 บาท!

 
สังเกตง่ายๆกับประตูสีเหลืองๆ ถ้ามาถึงเช้ามากๆ ประตูก็ยังปิดไว้อยู่ สามารถกดกริ่งได้

ด้านหน้าเป็นคาเฟ่เล็กๆ ดูอบอุ่น กับกาแฟและขนมง่ายๆ ให้สามารถสั่งนั่งชิวได้

ห้องพักเป็นแบบ Mix Dorm 5 เตียง พร้อมตู้ Locker สำหรับใส่ของมีค่า (อย่าลืมติดกุญแจสำหรับล็อคตู้มาด้วย) แอร์เย็น พร้อมพัดลม ส่วนห้องน้ำอยู่นอกห้อง


Jonker Walk Melaka

หลังจากเก็บของแล้วมาต่อกันที่ Jonker Street ซึ่งเป็นถนนคนเดินสายยาวๆที่มีร้านอาหาร ร้านของฝากของที่ระลึกท่ามกลางอาคารสีสันสดใสสไตล์ชิโนโปรตุกิส ที่น่าตกใจคือนักท่องเที่ยวก็แน่นมากเช่นกัน ร้านไหนที่ดังๆ ถ้าอ่อนแอก็อดไป 555 เรียกว่าคึกคักตลอดทั้งวัน เอาหละ เริ่มเดินทางกันเล้ย


Jonker Walk อยู่ใกล้กับ Melaka River บอกเลยว่าบรรยากาศริมน้ำนี่ชิวมากๆ ทั้งมีบาร์และโฮสเทลริมน้ำ รีบจองที่พักล่วงหน้า จะได้มีตัวเลือกเยอะหน่อย แต่ไม่ต้องห่วง ทริปนี้จะไปล่องเรือชมแม่น้ำมะละกาด้วยเลย

มองจาก Dutch Square จะเจอกับวงเวียนซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ Jonker Street

บ้านสไตล์ชิโนโปรตุกิส ยังคงมีอิทธิพลที่นี่

Jonker 88
ร้านฟู้ดคอร์ทสุดฮิต ที่ผมไม่สามารถฝ่าฟันเข้าไปได้จริงๆ คนแน่นล้นออกมานอกร้าน มาคนเดียวก็จะลำบากที่ไม่มีใครจองโต๊ะให้ ><
  
ถนนเส้นนี้ คึกคักตลอดวันจริงๆ

The Royal Press
โรงพิมพ์เก่าแก่ของเมืองนี้

 

อีกจุดถ่ายรูปที่ห้ามพลาด กับผนังสีสันสดใสริมแม่น้ำมะละกา มองเห็นชัดเจนจาก Dutch Square


Kampung Kling Mosque

มัสยิด Kampong Kling Mosque เป็นมัสยิดเก่าแก่ตั้งแต่ปี 1748 เป็นโครงสร้างไม้และถูกสร้างใหม่ด้วยปูน โดยยังใช้รูปทรงเดิม ภายในมีการตกแต่งด้วยกระเบื้องสไตล์อังกฤษและโปรตุเกส แชนเดอเลียสมัยวิกตอเรีย และไม้แกะสลักสไตล์ฮินดู-จีน เรียกว่าผสมผสานหลากหลายวัฒนธรรมเลยทีเดียว

 


Cheng Hoon Teng

ไม่ไกลจากมันยิส Kampung Kling Mosque จะเจอกับวัด Cheng Hoon Teng โดยมีเจ้าแม่กวนอิมเป็นองค์หลัก วัสดุนำเข้าจากจีนเพื่อสร้างวัดให้กับชาวฮกเกี้ยน กับการตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงสุดๆ

หลังจากเที่ยวชม วัดกันเรียบร้อยแล้ว ก็เดินย้อนกลับไปทางเดิม


Baba Nyonya Heritage Museum
จัดแสดงเรื่องราว การแต่งกาย วิถีชีวิตของ ชาวจีน-มาเลเซีย ในมะละกา


Chicken Rice Ball – ข้าวมันไก่กล๊มกลม

มาชิม Rice Ball เมนูห้ามพลาดเมื่อมาถึงมะละกา! ร้านที่อยากกินมากคือร้าน Kedai Kopi Chung Wah ซึ่งอยู่ตรง Hard Rock Cafe ใกล้สะพานข้ามแม่น้ำมะละกา แต่คิวก็ยาวมากเช่นกัน ถ้าจะกินต้องมาตั้งแต่ร้านเปิด สุดท้ายผมเลือกร้าน Hoe Kee บน Jonker Street ซึ่งถึงแม้จะดังน้อยกว่า แค่คิวก็ยาวล้นออกมาข้างนอกอยู่ดี


Rice Ball – RM 5.50
หลังจากสั่งก็รอไม่นาน ไม่น่าเชื่อว่าจะอร่อยขนาดนี้ ไก่ต้มที่นี่เค้าราดซอสหอมๆก่อนมาเสริ์ฟ ให้ความรู้สึกชุ่มๆ รสกลมกล่อม สำหรับ Rice Ball ก็เป็นข้าวมันธรรมดา ที่ถูกปั้นเป็นก้อนแน่นๆ (ไม่อยากคิดถึงกระบวนการปั้นกลม ว่าเค้าทำยังไง ><) ขนาดไม่ใหญ่มาก กินกับไก่แล้วลงตัว ที่ห้ามพลาดคือน้ำจิ้มเห็นส้มๆ ไม่ใช่พริกน้ำส้ม แต่เป็นน้ำจิ้มปรุงรสและอุ่นร้อนอยู่ตลอด รสชาติกลมกล่อม ชอบๆ

Coconut – RM 6.50 
ส่วนลูกนี้ก็มะพร้าวปกตินี่แหละ RM 6.5 ไปเลยค้าบ

Kappan Cendol – RM 3.5
อารมณ์ลอดช่องคล้ายๆกับที่ปีนัง ใช้น้ำตาลปี้บ แต่เจ้านี้กลับเค็มๆ ยังไงบอกไม่ถูก แปลกมากๆ


Melaka River Cruise

เนื่องจากมะละกาเป็นเมืองติดทะเล บางทีอยู่ๆก็ฝนตก บางทีก็แดดออก แต่ไม่ต้องกลัวเพราะเมืองเล็กนิดเดียว เห็นท่าไม่ดีก็เดินกลับที่พักสบายๆ พักผ่อนรอฝนหยุด ค่อยออกผจญภัยกันต่อ เอาหละ เราไปนั่งเรือชมแม่น้ำมะละกากันดีกว่า

สำหรับจุดขึ้นเรือ หากหันหน้าออกจาก Dutch Square ให้เดินไปทางซ้ายมือ เลียบริมน้ำไปครับ

เดินเท้ามาที่ท่าขึ้นเรือ เข้าแถวต่อคิวซื้อตั๋ว ราคาแต่ละวันไม่เท่ากัน วันนี้เป็นวันจันทร์ สำหรับ Foreigner น่าจะต้องจ่ายในราคา RM 15.90 แต่ก็โดนเก็บในราคา RM 21.20 มาแบบงงๆ ขี้เกียจไปถามมีใบเสร็จ เงินเข้าระบบก็โอเค

เอาหละ ตั๋วพร้อมแล้ว ไปเข้าคิวเพื่อขึ้นเรือตามรอบได้เลย การนั่งเรือใช้เวลาประมาณ 45 นาที

ตลอดเวลาบนเรือเราจะได้เห็นสีสันและความน่ารักของเมืองมะละกา ได้ผ่านไปยังจุดที่ยังไม่เคยเดินไป

ผนังของตึกริมน้ำถูกเพนท์เป็นรูปต่างๆ ที่แปลกตา และน่าสนใจ

ตลอดเวลา 45 นาที ก็เพลินตาและเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว กลับมาถึงฝั่งก็แดดร่มลมตกพอดี ขอเดินดูเมืองเล่นๆ

รถสามล้อสุดแหวกแนว ที่ตกแต่งด้วยตัวการ์ตูนสุดโปรดของน้องๆหนู พร้อมไฟวิบๆ และดนตรีสุดตื้ด ทุกคันแข่งกันตกแต่งแบบ มากแต่มาก อารมณ์รถ 10 ล้อบ้านเรา คนที่ติดกับไม่ใช่แค่เด็ก แต่รวมถึงนักท่องเที่ยวผู้ใหญ่ด้วย!


ป้อมเก่าบางส่วนยังถูกเก็บรักษาไว้
 
BBQ Corn – RM 7
ข้าวโพดปิ้ง จุ่มซอส คลุกเครื่องปรุง ใช้เวลาทำนานมากคิวเลยยาวมาก เริ่มตั้งแต่เอาข้าวโพดไปจุ่มในเตาปิ้ง หยิบขึ้นมาขัดรอยไหม้ออก ปิ้งใหม่ วนอยู่หลายรอบ ก่อนนำมาทาซอส แล้วจุ่มลงไปปิ้ง อีกหลายรอบ แล้วค่อยคลุกผงปรุงรส กลายเป็น BBQ Corn ที่ดูแปลกตา รสชาติค่อนข้างจัดด้วยผงปรุงรส .. เท่านั้น

Fried Egg with lala – RM 10
เห็นชื่อน่ารักอารมณ์ ลาล่า ลูลู่ เลยขอสั่งสักหน่อย สิ่งที่ได้มาคล้ายๆหอยทอด แต่หอยที่ใส่เป็นหอยตลับตัวน้อยๆ กับแป้งหนึบๆ ค่อนข้างมัน ส่วนตัวไม่ค่อยชอบ แต่ความน่ารักคือมีส้มจี้ดให้บีบเพิ่มความเปรี้ยวและหอม แต่พอบีบปุ๊บ เมล็ดออกมาเต็มเลยค้าบ

ปลากระเบน อีกเมนูที่หลายคน Recommended

แต่คงกินไม่ไหวแล้ว เลยดูเค้าทำไปก่อน ถึงจะเป็นร้าน Food Court แต่ทำได้ดูสะอาดสะอ้านมากๆ

ดึกแล้ว บรรยากาศก็จะเริ่มเงียบๆ วันนี้ใช้พลังจัดหนักมากๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาเริ่มกันต่อ


Morning in Melaka

เช้าวันนี้ที่ มะละกา อากาศดีมาก เย็นสบายสดชื่นสุดๆ เมื่อคืนหลับไม่ค่อยสบาย ที่จริงเช้านี้ตั้งใจจะไปกิน Rice Ball เจ้าดังที่คิวยาวเหยียด แต่ร้านยังไม่เปิด ด้วยความหิวเลยเปลี่ยนใจมากินร้านอาหารเช้าง่ายๆ ใกล้ๆที่พัก


Soup Mhee Suah (Wheat Noodle) – RM7
หมี่ชามนี้ฟินมาก เป็นเส้นหมี่ซั่วในซุปกระดูกหมูรสกลมกล่อม หอมกระเทียมเจียว เครื่องไม่เยอะ แต่ซดได้คล่องคอ เหมาะกับเวลาเช้าๆแบบนี้จริงๆ

Tea – RM6


St. Paul’s Church

เรามาต่อกันที่ โบสถ์เซนต์ปอล ซึ่งอยู่บนเนินเขา St. Paul’s Hill ข้างๆ Dutch Square St.Paul’s Church โบสถ์เก่าแก่ในมะละกา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1521 และถือเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในมาเลเซียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สร้างโดยชาวโปรตุเกส หลังจากเดินขึ้นบันไดมาจนเหนื่อยหอบ ก็ถึงกับตัวโบสถ์ครับ

 
รูปปั้นสีขาวหน้าโบสถ์ คอยต้อนรับผู้มาเยือนทุกคน

ในตัวอาคารเหลือเพียงผนังที่ก่อด้วยอิฐก้อนโต

อาคารถูกล้อมไปด้วยต้นไม้ สบายตา

ด้านหลังเราสามารถเดินต่อไปยัง A Famosa ได้


A Famosa

เดินบันไดลงจานเนินจะเจอกับ A Famosa หรือป้อมโบราณ (fortress) ของชาวโปรตุเกส ส่วนที่ยังคงหลงเหลืออยู่ถึงตอนนี้



Melaka Sultanate Palace Museum

Proclamation of Independence Memorial


Maritime Museum

พิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวของ มะละกา ในแต่ละยุคสมัย จนยุคโคโรเนียล และเป็นอิสระอย่างจนถึงทุกวันนี้

โดยจัดแสดงบนเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ ภายในแบ่งเป็นห้องต่างๆ


ค่าเข้าชม – RM-10
 
น้ำแตงโมปั่น – RM7
แบบมาเป็นลูก เอาแตงโมแช่เย็นมาเจาะรู เสียบเครื่องปั่นเข้าไปแล้วปั่นเลย ก็จะมีแต่น้ำกับเนื้อแตงโมล้วนๆ วันนี้อากาศร้อน ขายดี แตงโมก็จะอุ่นๆหน่อย คงเย็นไม่ทัน

ช่วงเวลาที่ชอบที่สุดคือตอนได้เดินเล่นชิวๆริมน้ำ มาคนเดียวก็เดินเพลินๆ มาหลายคนก็คงสนุกไปอีกแบบ รีวิว มะละกา Melaka

หาตั้งนาน กว่าจะเจอป้ายนี้ อยู่ริมน้ำนี่เอง

Church of St. Francis Xavier
บอกลาด้วยโบสถ์ St. Francis Xavier สวยๆอีกสักรูป

กลับมาที่พักจะ Check-Out เจ้าของ Hostel บอกมี Morning Tea ให้นะ อ้าวลืมไปเลย ดีเหมือนกันจะได้พักสักนิดก่อนออกเดินทาง

ถ่ายรูปกับคุณแซม เจ้าของ Hostel ที่ช่วยดูแลกันอย่างดีใน Hostel เล็กๆนี้

ส่งท้ายด้วยภาพของ Dutch Square อาคารสีแดงพระเอกของเมืองนี้ ก่อนขึ้นรถบัสที่ปลายถนน Jonker Walk เพื่อ กลับไปยัง Melaka Sentral ค่ารถ (3RM) ซึ่งเป็นท่ารถนั่งไปยังจุดหมายต่อไปคือกัวลาลัมเปอร์

มะละกา แม้อาหารเมนูเดียวที่ชอบคือ Rice Ball แต่สำหรับผมที่นี่เป็นเมืองเล็กๆ น่ารักๆ อบอุ่น และมีเอกลักษณ์มาก โดยเฉพาะบรรยากาศริมน้ำ ทั้งกลางวันและกลางคืน สามารถเดิน เที่ยวมะละกา ได้ง่ายๆ วันเดียวก็จบแล้ว เหมาะกับใครที่อยากมีทริปสั้นๆ กับเพื่อน คนรัก หรือพาผู้ใหญ่มาชิวๆ เมืองนี้เหมาะกับทุกคนเลยแหละ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลกันมาที่นี่ .. ถึงมาคนเดียวก็เที่ยวได้เหมือนกัน
รีวิว มะละกา Melaka


สรุปค่าใช้จ่าย ในการเที่ยวมะละกาคนเดียว
Bus Penang – Melaka RM 50
ค่ากิน – RM 65
ล่องเรือ – RM 21
ค่ารถบัส Melaka Sentral – Dutch Square RM4
Ola Lavanderia Hostel – RM 30

About the author

Max

Add Comment

Click here to post a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

%d bloggers like this: