Kawaguchiko ดูภูเขาไฟฟูจิกับตาตัวเอง เที่ยว คาวากุจิโกะ

“Mt. Fuji สัญลักษณ์แห่งประเทศญี่ปุ่น”

รีวิวนี้จะพาไปชมภูเขาไฟฟูจิที่เมือง “คาวากุจิโกะ (Kawaguchiko)” จังหวัด ยามานาชิ (Yamanshi) ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดชมภูเขาไฟฟูจิยอดนิยม สำหรับผม ภูเขาไฟฟูจิ ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งประเทศญี่ปุ่นตั้งใจว่าสักครั้งหนึ่งต้องมานั่งทอดอารมณ์ ปั่นจักรยานชิวๆ ชมวิวภูเขาไฟฟูจิให้อิ่มหนำกันไปเลย มาญี่ปุ่นคราวนี้เลยขอมาเยือนที่นี่สักครั้ง กินอิ่มๆ เดินชิวๆ หลังจากเล่นสกีและชมลิงหิมะแก้มแดงมาแล้ว ถือเป็นช่วงเบรคระหว่างทริป ทริปนี้ผมเดินทางตรงจากนากาโน่ (Nagano Station) ไปยัง คาวากุจิโกะ (Kawaguchiko) ถือเป็นการเดินทางที่ไกลมากไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างจริงๆ 555

วิธีการเดินทาง จาก Nagano Station มา Kawaguchiko

28/01/17
Nagano Station : เวลา 17:11 ไป Otsuki Station : เวลา 20:30 (￥11,000)
ต่อรถไฟ Fujikyu Line จาก Kami-Otsuki Station : เวลา 20:40 ไปยัง Kawaguchiko Station : เวลา 21:45 (￥2,280)
เนื่องจากถึงดึกแล้วต้องนั่ง Taxi จาก Kawaguchiko Station ไปยังที่พัก (￥1,540)

ค่าใช้จ่าย

Kawaguchiko 2 days Pass ￥1,200
อาหารร้านดัง ￥4,100
ชมวิว Rope way + Boat ￥2,600
Fuji Cookie ￥280
Fuji Cheesecake ￥900
Mt. Fuji Samurise Kawaguchiko ￥3,666
Den’s Inn ￥8,100
Lawson ￥430

เลือกนอน Airbnb รับส่วนลด 1,371 บาท

เมื่อสมัครบัญชี Airbnb ใหม่ ด้วยลิงค์นี้ แล้วจองห้องพัก Airbnb ด้วยลิงค์นี้ >> <<

รายละเอียดเพิ่มเติม >>

หนึ่งวันที่คาวากุจิโกะ

เช้าวันแรก Kawaguchiko ตั้งใจปั่นจักรยานรอบทะเลสาบ คืนแรกนอนโรงแรม Den’s Inn ก็เลยยืมจักรยานของโรงแรมไปปั่นเล่นซะเลย ผมเชื่อว่า 99% ของคนที่มาเที่ยว Kawaguchiko ก็เพื่อชมความงามของภูเขาไฟฟูจิ แต่สิ่งที่ต้องลุ้นกันต่อก็คือในวันนั้นฟูจิจะขี้อายรึเปล่า ขอให้วันนี้ฟ้าเปิด เห็นภูเขาไฟฟูจิได้ชัดเต็มสองตาเถอะครับ

Den’s Inn ที่พักคืนแรก เป็นบ้านหลังเล็กๆที่มีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นและยุโรปผสมกัน หันหน้าบ้านเข้าหา ทะเลสาบคาวากุจิโกะ (kawaguchiko lake) อีกมุมจะเห็นภูเขาไฟฟูจิ แต่ถ้าหน้าต่างห้องไม่ได้เปิดเจอวิวพีคๆ การพักริมทะเลสาบก็ไม่ได้มีความหมายอะไรมากนัก เพราะเราสามารถเดินทางไปจุดชมวิวสวยๆ ได้อีกมากมาย

ทริปนี้อยู่ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ เพราะอยากได้อากาศหนาวๆ ผมเริ่มปั่นจักรยานไปยังจุดหมายแรก คือจุดชมวิวที่สามารถชมภูเขาไฟได้เต็มตาที่สุด นั่นคือ Oishi Park ที่ สุดสายรถบัสสายสีแดง (Red Line) แต่ผมขอปั่นจักรยานชิวๆละกัน

หน้าหนาวแบบนี้ แม้จะเป็นช่วงสายๆ อากาศก็หนาวจับใจ โรงแรมใจดีให้ถุงร้อนมาคนละถุง บอกเลยว่าช่วยได้เยอะ ต้นไม้ใบหญ้าในช่วงหน้าหนาวเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล บ้างก็เหลือแต่กิ่งก้านไม่เขียวสดใส หรือมีสีสันเหมือนฤดูอื่นๆ แต่ผมกลับชอบเพราะมันเป็นความรู้สึกนิ่งๆ กับวิวทะเลสาบคาวาคูจิโกะ แสนสงบ ในชีวิตประจำวันคงยากที่จะมีช่วงเวลาแบบนี้

ปั่นจักรยานไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก ไม่นานก็ถึง Oishi Park

จุดชมวิวที่เห็นภูเขาไฟฟูจิได้แบบ Panorama โดยไม่มีอะไรมาบดบัง แต่ถ้าใครอยากหาจุดถ่ายรูปสวยๆ ที่มีโฟกราวน์แจ่มๆ อาจต้องไปที่จุดอื่นกันต่อ ตรงนี้ก็ขอใช้ทุ่งหญ้าสีเหลืองทองเป็นโฟกราวน์ก่อนละกัน

ที่พักรูปทรงแปลกตา ตั้งอยู่บนเชิงเขา กับหน้าต่างเปิดรับวิวภูเขาไฟฟูจิแบบเต็มๆ สักวันจะมาพักที่นี่ให้ได้

ก่อนเดินทางต่อ ไม่ลืมที่จะเดินเล่นร้านขายของที่ระลึก แล้วก็ได้เจ้านี่มา เป็นภูเขาไฟฟูจิในขวดแก้วแห่งความทรงจำ ขนาดเล็ก พกพาง่าย

ต้นไม้บนภูเขายังคงเป็นสีเขียว แต่ต้นไม้รอบๆบ้านส่วนใหญ่ผลัดใบทิ้งหมดแล้ว มุมนี้ก็ดูอบอุ่นดีเหมือนกัน

ที่จริงที่ทะเลสาบคาวากุจิโกะ ก็มีกิจกรรมอีกมากมายสำหรับครอบครัว แต่สำหรับผมแค่นี้สำหรับผมก็ถือว่าฟินแล้ว แต่เวลายังเหลือจะขอปั่นจักรยานชิวๆ แล้วไปดูกันว่าจะฟินกับภูเขาไฟฟูจิยังไงได้อีกบ้าง

อีกหนึ่งมุมสวยๆ ระหว่างปั่นจักรยานกลับ รีบไป Check Out แล้วไปตั้งต้นใหม่ที่ Kawaguchiko Station กันครับ

จากที่พัก Den’s Inn มีป้ายรถบัสอยู่ไม่ไกลผมจะเดินทางด้วย Kawaguchiko Sightseeing Bus สายสีแดง ไปยัง Kawaguchiko Station ป้ายรถบัสมีตารางเวลาแปะไว้ แต่รถก็ไม่ได้มาตรงเวลาเท่าไหร่ สำหรับค่าโดยสารเราสามารถเลือกเป็นรอบและ Unlimited-ride 2 Days (ผู้ใหญ่ 1,200 yen ต่อคน)
รอนานพอสมควร รถบัสสีเหลืองนวลสุดคลาสสิกก็มาจอด หน้ารถมีป้ายเล็กๆที่บอกว่าเป็นสายสีแดง ขนาดรถค่อนข้างเล็ก คนตัวใหญ่หรือสัมภาระเยอะจะลำบากหน่อยแถมคนก็แน่นมากๆอีกด้วย
ทั้งที่อยู่ไม่ถึง 2 วัน ผมก็เลือกแบบ Unlimited ละกัน เพราะง่ายดีไม่ต้องลำบากหาเหรียญ (ใช้เงินแก้ปัญหาอีกแล้ว) แต่ผมว่าถ้าวางแผนดีๆ จ่ายเป็นเที่ยวดูจะคุ้มกว่าเยอะ บัตรใบนี้สามารถซื้อที่คนขับได้เลยครับ

วิวภูเขาไฟฟูจิ ที่สถานีรถไฟ Kawaguchiko Station

ที่สถานีรถไฟคาวากุจิโกะ เป็นจุดรวมการเดินทางทั้งรถไฟ รถบัสระหว่างเมือง และ Sightseeing Bus รอบคาวากุจิโกะ คืนวันนี้เลือกพักที่ Mt.Fuji SAMURISE kawaguchiko เพราะอยู่ใกล้สถานี เพื่อให้เดินทางไปขึ้นรถข้ามเมืองตั้งแต่เช้าตรู่ได้สะดวกที่สุด (เดินจากที่พักมาสถานีได้ง่ายๆ)

บนพื้นยังมีหิมะหลงเหลืออยู่กับฉากหลังซึ่งเป็นภูเขาไฟฟูจิ สวยและอลังการมากจริงๆ

รอบๆสถานีรถไฟกับต้นไม้ทรงเรียวแหลมกับปุยหิมะ.. ที่จริงเรียกว่ากองหิมะมากกว่า แต่สีขาวของมันทำให้รู้สึกนุ่มฟูน่ากระโดดใส่

ชิม Houtou เมนูอาหารท้องถิ่นที่ห้ามพลาด

มื้อเที่ยงแบบนี้ขอลองชิมอาหารท้องถิ่น Houtou หรือ โฮโตะ อุด้ง ซึ่งมีให้เลือกหลายร้าน ใกล้ๆสถานี แต่ขอเลือกร้านจาก Tripadvisor ซึ่งต้องตั้งใจไปนิดนึงเดินทางด้วย รถบัส Green Line แล้ว Bus stop No.2 จากนั้นเดินเข้าหาภูเขาไฟฟูจิเลยครับ วิวร้อยล้านจริงๆ

เดินไม่ไกลก็ถึงร้าน.. 甲州ほうとう小作河口湖店 (อ่านไม่ออก) >< ทั้งร้านมีแต่คนญี่ปุ่นและส่วนใหญ่ก็ขับรถกันมา ถือว่าการันตีความ Traditional ได้ระดับนึง ชื่อร้านยังไม่มีภาษาอังกฤษเลย

เที่ยงๆแบบนี้ คนเต็มทุกโต๊ะ เมนูที่ตั้งใจจะมากินคือ Houtou เป็นเมนูประจำเมืองนี้ เดี๋ยวมาดูกันครับ ทางร้านหยิบเมนู 2 แผ่น ที่มีภาษาอังกฤษมาให้ ก็เลือกจิ้มมา 2 อย่าง

อย่างที่ 2 เป็น Spicybeef Houtou 2,000 Yen
อย่างแรกเป็นเซ็ตมังสะวิรัต พร้อมเครื่องเคียง 2,100 Yen
จานนี้เป็นซาชิมิ (ที่มากับเซ็ตมังสะวิรัติ งงไปสิ) เนื้อนุ่ม ไม่มีกลิ่นเนื้อวัว แต่ก็ไม่ใช่เนื้อหมูหรือเนื้อไก่แน่นอน แต่มารูทีหลังว่าเป็น… “เนื้อม้า” ร้องฮี้กับๆเลยครับ

อย่างที่ 2 เป็น Spicybeef Houtou 2,000 Yen
กลิ่นพริกที่ใส่มาแน่นมาก แต่ไม่ได้เผ็ดจัดจ้าน ซุปค่อนข้างข้นคลั่ก พร้อมเครื่องมากมาย

กินจนเสร็จคนก็ยังแน่นร้านอยู่เลย เติมพลังจนอิ่มแล้ว ไปเที่ยวกันต่อดีกว่า

ชมวิวมขึ้นกระเช้าชมวิวมุมสูง ล่องเรือรับลมชมทะเลสาบ

อย่างที่บอกว่ารอบๆทะเลสาบคาวากุจิโกะ มีกิจกรรมให้เลือกทำมากมาย แต่ทริปนี้ผมขอเลือกอะไรที่อินกับความงามของภูเขาไฟฟูจิละกัน ไหนๆก็มาเพื่อเค้าขนาดนี้แล้ว ไม่รอช้าขึ้นรถบัสไปยังจุดขึ้น Rope way กันเลย (จุดขึ้นกระเช้า และล่องเรือ อยู่ตรงข้ามกันเลยครับ)

กระเช้าลอยฟ้าคาชิคาชิ เป็นอีก Landmark ที่ทุกคนต้องมาสัมผัส โดยกระเช้าจะพาเราขึ้นไปบนยอดเขาเท็นโจเพื่อชมวิวภูเขาไฟฟูจิและทะเลสาบคาวากุจิโกะ กระต่ายและทานูกิซึ่งมาจากนิทานพื้นบ้านญี่ปุ่นเรื่อง “คะชิคะชิยามะ” ถูกนำมาสร้างสีสันและเรื่องราวให้กับการเดินทางครั้งนี้

เลือก Package V Coupon ที่รวมทั้งกระเช้าและเรือไว้ด้วยกันในราคาคนละ 1300 Yen

กดและซื้อบัตรจากตู้อัตโนมัติ พร้อมภาษาไทยใช้งานง่ายมากๆ (แสดงว่าคนไทยมาเยอะเป็นอันดับต้นๆเลย)

ได้มาเป็นตั๋วแบบนี้

วิวมุมสูงของทะเลสาบคาวากุจิโกะ จากภูเขาเท็นโจจะเห็นวิวเมือง ทะเลสาบ และภูเขาสลับกันไป ถ้ามาช่วงที่ต้นไม้สีเขียวหนาๆ หรือมีใบไม้เปลี่ยนสีคงสวยมากๆ

อีกด้านจะเป็นจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิ ถึงวันนี้ฟ้าไม่เปิดเท่าไหร่ แต่ก็เป็นอีกจุดที่สามารถเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ชัดเจน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราไปล่องเรือชมทะเลสาบกันดีกว่า

ตอนนี้ก็ช่วงเย็นแล้วคนไม่ค่อยแน่นเท่าไหร่ ต่อคิวแปปเดียวก็ได้ขึ้นเรือแล้วครับ

เรือเท่ๆ สไตล์วินเทจอีกเช่นเคย ภายในเรือจะมี 2 ชั้น หากอยากชมวิวพาโนราม่าเต็มๆ ให้ไปอยู่ที่ชั้น 2 ครับ แต่อากาศก็หนาวใช่เล่นเลย

วิวภูเขาไฟฟูจิช่วงเย็นๆ ก็จะได้ประมาณนี้

บนดาดฟ้าเรือ ก็จะมีคนนั่งเต็มแน่นไปหมด แต่ก็สามารถมายืนเกาะขอบเรือ ชมวิวเล่นเอ็มวีชิวๆก็ได้เหมือนกัน

ตบท้ายด้วยขนมที่ร้าน Fujiyama Cookie ที่เค้าบอกกันว่าอร่อยมาก

2 ชิ้น 280 Yen อร่อยฟินสมคำร่ำลือ เบสมาจากคุกกี้เนยหอมกลมกล่อม แต่ผมเลือกคุกกี้รสชอคโกแลตกับม้ัชฉะบอกเลยค่อยๆเล็มๆ รู้สึกซื้อมาน้อยไปหน่อย ซื้อเป็นของฝากรับรองไม่เสียชื่อ

แอบแวะร้าน Cheese Cake ร้านข้างๆ ซึ่งมีที่นั่งกินพร้อมกาแฟถ้วยเล็กๆฟรี จัดขนมมา 2 ชิ้น 900 Yen ก็อร่อยนะ ละมุมเวอร์ (ร้านนี้มีโต๊ะให้นั่งทาน แต่มีไม่กี่โต๊ะ ต้องต่อคิวนิดนึง)

หนึ่งวันเต็มๆที่คาวากุจิโกะ ถือเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมาก ได้เดินเล่น ได้ชิว ได้กินของอร่อย กับอากาศเย็นๆ วิวสวยๆ เหมือนไม่มีอะไรแต่มันก็น่าจดจำมากจริงๆ

ซึมซับบรรยากาศยามเช้า บอกลาภูเขาไฟฟูจิ

วันนี้มีแพลนเดินทางต่อไปยัง Takayama แต่เมื่อคนดันลืมซื้อตั๋วล่วงหน้า คิดได้อีกทีห้องจำหน่ายตั๋วก็ปิดแล้ว วันนี้เลยต้องตื่นมาซื้อตั๋วแต่เช้ามืด

เลยได้วิวสวยๆ ยามเช้าหน้า Kawaguchiko Station แบบนี้ สวยจริงๆ

พร้อมแล้วที่จะออกเดินทางต่อไปยัง Takayama บอกเลยว่าเป็นอีกเมืองที่ชอบมากๆ ทั้งเรื่องบรรยากาศ และอาหารการกิน โดยเฉพาะเนื้อ Hida ที่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง เชิญติดตามได้ในรีวิวหน้าครับ