The Standard High Line จากรางรถไฟร้าง สู่ต้นแบบสวนกลางเมือง นิวยอร์ค

เมื่อรางรถไฟร้าง สร้างชีวิตให้ชุมชน

The High Line เป็นอีกโครงการหนึ่งที่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับชาว New York ในย่าน Chelsea และ Meatpacking Distric เมื่อทางรถไฟปลดระวาง ได้ถูกชุบชีวิตกลายเป็นสวนลอยฟ้า ความยาว 2.33 กิโลเมตร หัวใจดวงใหม่ของชุมชน วันนี้จะพาไปเดิน เที่ยว The High Line กันครับ

การเดินทางไป The High Line

เนื่องจาก The High Line เป็นรางรถไฟเส้นยาวๆ จึงมี ทางขึ้น อยู่ตามจุดต่างๆเป็นระยะๆ โดย จุดเริ่มต้นอยู่ที่ Gansevoort Street and Washington Street ถ้าจะเริ่มเดินเล่นจากจุดเริ่มต้น แนะนำให้ นั่ง Subway สาย A C E L มาลงสถานี 14th Street 

ทางขึ้น The High Line ตามจุดต่างๆ

• Gansevoort Street and Washington Street (elevator access)
• 14th Street (elevator access)
• 16th Street (elevator access)
• 18th Street
• 20th Street
• 23rd Street (elevator access)
• 26th Street
• 28th Street
• 29th Street (elevator access)
• 30th Street
• 34th Street (ramp access) – open 7 a.m. to sunset

โดยที่ 30th Street จะเชื่อมต่อกับ Hudson Yards แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของ New York

จุดเริ่มต้นของ The High Line

รางรถไฟเส้นนี้ จะผ่านย่าน Gansevoort Street > Meat Packing > Chelsea สิ้นสุดที่ West Side Yard ถ้าย้อนเวลากลับไป บริเวณนี้เป็นย่านอุตสาหกรรมสำคัญในอดีต รวมถึงการแพคและจำหน่ายเนื้อไปยังเมืองต่างๆ รางรถไฟแห่งนี้ก็เป็นส่วนนึงของชุมชน ในช่วงปี 1930 ได้ถูกใช้งานเพื่อส่งอาหารสดในด้านฝั่ง West และถูกเลิกใช้ในปี 1980

รางรถไฟถูกทิ้งร้างกว่า 10 ปี จนมีแผนรื้อทางรถไฟนี้ทิ้งไป จึงเกิดกลุ่ม The Friends of High Line ที่เชื่อว่าแทนที่จะรื้อทิ้ง เราสามารถพัฒนาสิ่งก่อสร้างนี้ให้เกิดประโยชน์กับชุมชน เมือง สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม .. ถ้าคิดตามในสมัยนั้น อาจจะดูเวอร์ไปมาก แต่สุดท้ายแผนก็ผ่านการอนุมัติและรางรถไฟเก่าใน Manhattan นี้ ก็กลายมาเป็นสวนกลางใจเมือง ที่เป็นที่รักของทุกคนที่ได้มาสัมผัส

เมื่อเดินขึ้นมา มุมแรกที่เตะตาคือ โรงแรม The Standard High Line โรงแรมหรูกับผนังกระจกเต็มบาน ถือเป็นโรงแรมที่หวือหวาที่สุดในช่วงนั้น ผู้พักสามารถชมวิวได้แบบ Panorama จริงๆ

ระบบนิเวศณ์ ที่ช่วยเติมเต็มชีวิตชาว New York

โรงงานเก่าในย่าน Meatpacking ที่ยังคงเหลืออยู่

ที่สำคัญ มันสามารถสร้างประโยชน์ให้กับชุมชนอย่างที่ว่าจริงๆ จากที่ย่านนี้เริ่มซบเซาตามยุคสมัย ผู้คนย้ายออก เปลี่ยว ร้าง เกิดอาชญากรรม เมื่อโครงการนี้แล้วเสร็จ ก็สามารถดึงคนหลั่งไหลเข้ามาในย่านนี้นับไม่ถ้วน
รางรถไฟเก่าบางส่วนถูกเก็บรักษาไว้ กลายเป็นส่วนหนึ่งของงานออกแบบภูมิทัศน์

The art of High Line

ผลงานศิลปะ ได้ถูกผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาจัดแสดงที่นี่ อย่างประตู 3 บานนี้ เป็นงาน Painting บนประตูเก่ามาที่ถูกนำมาชุบชีวิตใหม่ เหมือนรางรถไฟแห่งนี้นี่เอง

เสน่ห์ของย่านนี้คือการอยู่ร่วมกันอย่างลงตัว ระหว่างอาคารอุตสาหกรรมที่ก่อด้วยอิฐแดง กับอาคารกระจกทันสมัย

Pier 46 ท่าเรือเก่าแก่อีกแห่งของที่นี่

ตึกด้านหน้านี้เป็นโรงงานทำขนมเก่า มีรางรถไฟที่เคยใช้ขนส่งแป้ง นม เนย สำหรับทำขนม และ Oreo ขนมชื่อดังก็มีต้นกำเนิดที่นี่  และถ้าใครกำลังหิวสามารถแวะ Chelsea Market เพื่อหาของกินอร่อยๆได้เหมือนกัน

The High Line กับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

คนไทยอาจไม่ค่อยคุ้นเคยกับการเดินเล่นใน Park หรือ กิจกรรม Outdoor เพราะอากาศร้อนมาก แตกต่างกันกับชาวตะวันตกรวมทั้ง New Yorker ที่หากวันไหนอากาศดีก็จะออกมาทำกิจกรรมกลางแจ้ง นั่งเล่น นอนเล่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง ตากแดดเล่นๆ

อัฒจรรย์ไม้ จุดนั่งพักที่ 10th Avenue Square ชมวิวถนนเบื้องล่าง เหมือนกรอบรูปที่มีชีวิต ให้ได้นั่งเล่นกันเพลินๆ

ภาพวาดฝาผนังสีสันสดใส โดย Eduardo Kobra 
หลังจากที่โครงการ The High Line แล้วเสร็จ มูลค่าที่ดินบนถนนที่ The High Line ก็พุ่งขึ้นหลายเท่าตัว ไม่ว่าจะเป็น ร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม แกลอรี่ต่างๆ พากันมาเปิด จนกลายเป็นอีกย่านสุดชิคไม่น้อยหน้า Soho เลยทีเดียว

Hudson Yards

หากเดินไปเรื่อยๆ เราจะได้เจอกับ Hudson Yards โครงการใหม่ล่าสุด สามารถ Shopping กันต่อได้จุใจ

สำหรับใครที่มา เที่ยว New York ลองหาเวลาแวะมา The High Line กัน มาดูการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างพื้นที่สีเขียว ศิลปะ จนกลายเป็นส่วนช่วยให้คนในเมืองมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น